chainhoist のブログ

รอกไฟฟ้า รอกไฟฟ้า เครนยกของ ชั้นวางของเหล็ก

รู้จักกับปั๊มหอยโข่ง ข้อดี ข้อเสีย

ปั๊มน้ำคือเครื่องมือที่ช่วยในการส่งน้ำ ประกอบด้วย mechanic และ Electricity / engine มี 2 ส่วน มีหัวปั๊มและมอเตอร์ มอเตอร์ทำหน้าที่หมุนให้ตัวปั๊มเคลื่อนที่เพื่อผลักน้ำจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งไปโดยแรงดันและปริมาณน้ำ ตามการออกแบบของแต่ละการใช้งาน ช่วยเสริมน้ำให้แรงขึ้นไปถึงอีกจุดหนึ่งได้พร้อมกับปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าเราต้องการปริมาณน้ำมาก แรงดันจะน้อย ถ้าเราต้องการปริมาณน้ำน้อย แรงดันจะมาก

ปั๊มหอยโข่ง คืออะไร?

ปั๊มหอยโข่ง (Centrifugal pump) เป็นปั๊มชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยม ใช้กันมากที่สุด เป็นปั๊มที่ใช้ใบพัดหมุน สร้างแรงเหวี่ยงให้น้ำ หรือของเหลว เกิดแรงเหวี่ยง และไหล นิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรม, เทศบาล, โรงน้ำทิ้ง และน้ำเสีย, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงไฟฟ้าปิโตรเลียม, เหมืองแร่, โรงเคมี และอื่น ๆ อีกมากมาย


รู้จักกับ รอกโซ่ คือการใช้งานสำหรับยกสิ่งของที่หนัก เพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งของไปยังจุดที่เราต้องการ ทำให้สะดวกรวดเร็วและลดการเกิดอุบัติเหตุได้ แต่การใช้งาน รอกโซ่ นั้น เราต้องรู้น้ำหนักของสิ่งที่เราจะใช้รอกโซ่ยก อีกทั้งยังต้องทราบว่า รอกโซ่ ที่เราใช้งาน เหมาะสมสำหรับการใช้ยกวัสดุนั้นๆรึเปล่า ในบทความนี้ทางพีดีเอสจะพาทุกท่านไปทราบถึง


ทำไมถึงเรียกปั๊มหอยโข่ง? ปั๊มน้ำชนิดนี้ ที่เรียกว่าปั๊มหอยโข่ง เพราะว่า ระบบการเหวี่ยงน้ำรูปร่างเหมือนหอยโข่ง โดยทั่วไปปั๊มหอยโข่งมีข้อดี คือ มีเครื่องที่ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา บำรุงรักษาได้ง่าย การสูบน้ำของปั๊มหอยโข่ง มักนิยมนำไปใช้กับงานที่ต้องการปริมาณการไหลของน้ำระดับ ปานกลางถึงมาก

ประเภทของปั๊มหอยโข่ง


ปั๊มหอยโข่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การออกแบบ การก่อสร้าง การใช้งาน การบริการ การใช้งานตามมาตรฐานระดับประเทศ หรือระดับอุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้น ปั๊มหนึ่งตัว สามารถอยู่ในภาคส่วนการใช้งานที่ต่างกันได้ และในบางครั้งแค่เห็นชื่อของปั๊มเราก็รู้แล้วว่ามันทำงานอย่างไร

การทำงานของปั๊มหอยโข่ง

การทำงานหลักของปั๊มหอยโข่ง คือ มอเตอร์ จะสร้างพลังงานให้กระแสน้ำ เกิดการไหล และเหวี่ยงให้ของเหลวเคลื่อนที่ตามทิศทางการหมุน โดยมีใบพัด และปลอก ควบคุมทิศทางการไหล ในปั๊มหอยโข่ง ของเหลว จะเข้าไปในปลอก ตกลงบนใบพัดที่ตาของใบพัด หมุนวนตามแนวแกน และหมุนออกไปด้านนอก ในแนวรัศมีจนกว่าใบพัดจะเข้าสู่ส่วนกระจายของปลอก ในขณะที่ผ่านใบพัดนั้น ของเหลว จะได้รับทั้งความเร็ว และความดันไปพร้อม ๆ กัน

ข้อดี-ข้อเสียของปั๊มหอยโข่ง


ปั๊มหอยโข่ง(Centrifugal Pump) สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่ต่าง ๆ เกือบทุกประเภทการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการสูบน้ำแบบทั่วไป เพื่อการอุปโภคบริโภค การสูบระบายน้ำเสีย ตามแหล่งชลประทาน และการส่งสารเคมี เพื่อใช้ในกระบวนการผลิต แต่ว่าทำไมปั๊มประเภทนี้ ถึงใช้ได้ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ เรามาดูข้อดี-ข้อเสีย ของปั๊มประเภทนี้กัน ดังนี้


ปั๊มหอยโข่งง่ายต่อการซ่อมบำรุง
แน่นอนว่าการที่เราลงทุนซื้ออุปกรณ์ที่สำคัญสักหนึ่งชิ้น ก็อยากจะให้มันอยู่กับเราไปนาน ๆ ไม่เสียได้เลยยิ่งดี แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คือ การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์เหล่านั้น ทำให้เราต้องซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง แต่ปั๊มหอยโข่งมีส่วนประกอบที่น้อย และแต่ละส่วนมีอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน เราจึงสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของปั๊มได้นั่นเอง


ปั๊มหอยโข่งประหยัด
เนื่องจากปั๊มหอยโข่ง มีส่วนประกอบที่ค่อนข้างน้อยกว่าปั๊มประเภทอื่น จึงทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้ราคาขายลดลง และประหยัดการลงทุนของลูกค้าด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังประหยัดในเรื่องของพื้นที่ติดตั้ง และการถ่ายเทพลังงานอีกด้วย


ปั๊มหอยโข่งรองรับการไหลได้มาก
สำหรับงานไหน ที่ต้องการการไหลมาก โดยที่แรงดันไม่สูงมาก ปั๊มประเภทนี้ ถือว่าตอบโจทย์ เพราะปั๊มหอยโข่ง รับพลังงานโดยตรงจากมอเตอร์ เพื่อถ่ายเทไปให้ของเหลว ในรูปแบบของแรงเหวี่ยง จากการหมุนทำให้ของเหลว สามารถไหลได้ในปริมาณที่เยอะขึ้นนั่นเอง


ปั๊มหอยโข่งไม่รองรับของเหลวที่หนืด
ข้อเสียแรกของปั๊มหอยโข่ง คือ ค่าความหนืด (Viscosity) เป็นคุณสมบัติเฉพาะของของเหลวชนิดต่าง ๆ หรือรู้จักกันในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า แรงต้านทานการไหลภายใน ซึ่งทำให้ต้องใช้พลังงาน ในการเคลื่อนย้ายที่มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ส่งผลให้การถ่ายเทพลังงาน แบบหมุนเหวี่ยงของปั๊มหอยโข่ง มีประสิทธิภาพที่ลดลง และอาจทำให้ตัวปั๊มเสียหายได้ ถ้าใช้กับของเหลวที่มีค่าความหนืดมากเหล่านี้


ปั๊มหอยโข่งไม่รองรับระบบที่มีแรงดันสูง
เพราะปั๊มหอยโข่ง มีการออกแบบการถ่ายเทพลังงานแบบต่อเนื่อง ทำให้พลังงานส่วนใหญ่ ถูกถ่ายเทไปที่การไหลมากกว่าแรงดัน จึงเกิดการออกแบบปั๊มน้ำหอยโข่ง แบบหลายใบพัดขึ้น เพื่อเพิ่มทำให้เป็นการเพิ่มพลังงานของของเหลวขึ้นนั่นเอง

ถ้าจะสร้างสระว่ายน้ำต้องรู้อะไรบ้าง

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่กำลังจะสร้างบ้าน ก็มักอยากจะมี “สระว่ายน้ำ” ภายในบ้านอย่างแน่นอน ในปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง และติดตั้งอุปกรณ์ สำหรับสระว่ายน้ำมีราคาถูกลง เจ้าของสามารถกำหนดขนาดและรูปทรงได้เองตามต้องการ สระว่ายน้ำยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บ้านและสวนดูสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการเสริมฮวงจุ้ยของบ้านได้อีกด้วย แต่ก่อนคิดลงมือสร้างสระว่ายน้ำในบ้าน มีอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อน สร้างสระว่ายน้ำ


สิ่งแรกที่ต้องทำคือ สำรวจบริเวณบ้านว่ามีพื้นที่พอที่จะสร้าง สระว่ายน้ำ ได้หรือไม่ บ้านที่มีพื้นที่เพียง 50 ตารางวา ก็สามารถสร้างสระว่ายน้ำได้แล้ว สระว่ายน้ำไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่เสมอไป แต่ก็ไม่ควรเล็กมาก ควรมีความยาวมากพอสำหรับการว่ายเพื่อออกกำลังกาย และไม่แคบจนมือต้องเสี่ยงกับการฟาดขอบสระ


สิ่งควรรู้ก่อน สร้างสระว่ายน้ำ 


สระว่ายน้ำอาจไม่ใช่องค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับการอยู่อาศัย แต่สระว่ายน้ำ คือ ความฝันของใครหลายคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนสร้างสระว่ายน้ำ จะมีอะไรบ้าง


  • การเลือกตำแหน่งของสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บ้านได้ กรณีที่เจ้าของบ้านต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวบ้าน ตำแหน่งของสระว่ายน้ำ ควรอยู่ในบริเวณที่มองเห็นได้ง่าย เช่น หน้าบ้าน หรือห้องรับแขก ในทางกลับกัน หากเจ้าของบ้านต้องการความเป็นส่วนตัว อาจวางตำแหน่งของสระว่ายน้ำให้อยู่ในบริเวณที่เป็นส่วนตัวที่สุด เช่น หลังบ้าน เป็นต้น เพื่อสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา แม้มีกิจกรรมอื่น ๆ ภายในบ้าน


ข้อแนะนำ :
ถ้าต้องการสร้างสระว่ายน้ำเพื่ออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ ความยาวของสระว่ายน้ำที่เหมาะสมกับการว่าย (Lap Pool) ต้องไม่น้อยกว่า 12-14 เมตร และมีความกว้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร แต่ถ้าไม่สามารถสร้างสระว่ายน้ำที่มีความยาวขนาดนั้นได้ ก็อาจพิจารณาติดตั้งเครื่องพ่นกระแสน้ำที่ขอบสระ เพื่อว่ายทวนกระแสน้ำเสมือนเป็นการออกกำลังกายได้เช่นกัน


หากต้องการสร้างสระว่ายน้ำสำหรับว่ายน้ำหรือเล่นน้ำเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน ขนาดมาตรฐานคือ 4 x 8 เมตร หรือ 5 x 10 เมตร อาจจัดพื้นที่รอบบริเวณสระว่ายน้ำให้เกิดบรรยากาศที่น่าใช้งาน เช่น จัดสวนให้เกิดความร่มรื่น พร้อมมุมพักผ่อนเล็ก ๆ ริมสระน้ำ


ถ้าต้องการสร้างสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ควรคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย เช่น ความลึกและตำแหน่งที่เหมาะสม สำหรับขนาดของสระว่ายน้ำที่เล็กที่สุดคือ 3 x 5 เมตร ส่วนมาตรฐานความลึกของสระสำหรับเด็กควรอยู่ระหว่าง 60-90 เซนติเมตร อาจพิจารณาองค์ประกอบเสริมอื่น ๆ เช่น น้ำพุ หรือ Slider และมีพื้นที่ให้เด็กเล่นรอบสระ เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน


สินค้าราคาพิเศษ: รอกโซ่ Kacha แข็งแรงทนทาน ปลอดภัย ด้วยระบบตัดการทำงานเมื่อระบบใช้งานเกินกำลัง พร้อมมอเตอร์ทรงพลัง พร้อมระบบกระจายความร้อน ราคาเริ่มต้นเพียง 1280 บาท


  • รูปทรงของสระว่ายน้ำ

การเลือกรูปทรงสระว่ายน้ำนั้น ไม่มีข้อกำหนด หรือกฎหมายบังคับ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล คอนเซ็ปต์ของผู้ออกแบบ และความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ รูปทรงของสระว่ายน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ


👉 สระว่ายน้ำรูปทรงเรขาคณิต เช่น สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม หรือวงกลม หากเป็นสระว่ายน้ำตามมาตรฐานของผู้ผลิตทั่วไป มักเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 4 x 8 เมตร หรือ 5 x 10 เมตร และมีความลึกประมาณ 1.20 เมตร ซึ่งเป็นรูปแบบที่เหมาะกับบ้านทั่วไปที่มีพื้นที่จำกัด หรือผู้ที่ต้องการระยะว่ายน้ำที่เหมาะกับการออกกำลังกาย เนื่องจากบ้านทั่วไปมักเป็นรูปสี่เหลี่ยม การใช้รูปทรงเรขาคณิต จะดูลงตัวกับผังอาคารมากกว่า


  • ขนาดของสระว่ายน้ำ

นอกจากต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกรูปแบบสระว่ายน้ำที่เหมาะสมแล้ว ยังมีสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับรองลงมา คือ ขนาดพื้นที่ที่จะสร้างสระว่ายน้ำ ทั้งนี้ขนาดสระว่ายน้ำควรให้มีสัดส่วนเหมาะสมกับปริมาณผู้ใช้งานหรือสมาชิกในบ้านด้วย


👉 รูปแบบการใช้งานสระบ้านส่วนตัว กว้าง x ยาว (เมตร) ความลึก (เมตร)
👉 สำหรับเด็ก 3 x 5 เมตร (ลึก 0.60-0.90 เมตร)
👉 สำหรับผู้ใหญ่ 4 x 8, 5 x 10, 6 x 12 เมตร และ 7 x 14 (ลึก 1.20-1.50 เมตร)
👉 สำหรับออกกำลังกาย ไม่น้อยกว่า 3 x 10 (ลึก 1.20-1.50 เมตร)
👉 สำหรับติดตั้งสปริงบอร์ด ไม่น้อยกว่า 6 x 12 (ลึก 2.50 เมตรขึ้นไป)


ข้อแนะนำ :
สำหรับผู้ที่ต้องการออกแบบสระว่ายน้ำ ให้ใช้งานร่วมกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถสร้างสระว่ายน้ำให้มีความต่อเนื่องกัน แต่ควรแบ่งระหว่างส่วนลึกกับส่วนตื้น หรือเทพื้นลาดเอียงเพื่อความปลอดภัย สำหรับสระที่เพิ่มประโยชน์ใช้สอยอื่นเข้าไป เช่น มีสปริงบอร์ดสำหรับกระโดดน้ำ หรือมี Slider ควรมีความลึกเพิ่มขึ้น เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน


ปัจจุบันสระว่ายน้ำที่ใช้กันตามบ้าน โรงแรม หรือรีสอร์m มักมีระดับความลึกของสระประมาณ 1.20 เมตรเท่ากันโดยตลอด ไม่นิยมทำสระที่มีความลึกมาก จึงช่วยให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกปลอดภัย และผ่อนคลายมากกว่า


วัสดุบุพื้น โมเสค vs กระเบื้อง
การใช้กระเบื้องโมเสค ทำให้สระดูมีมิติ ความกว้างความลึกมากกว่า และตกแต่งเล่นสี เล่นลาย ได้มากกว่า มองเห็นการพลิ้วไหวที่เกิดจากผิวน้ำ ทำให้เห็นลวดลายสวยงาม แต่กระเบื้องโมเสค มีต้นทุนค่าวัสดุ และค่าแรงสูงกว่ามาก ส่วนการปูกระเบื้องเซรามิก มีการปูและซ่อมบำรุงดูแลรักษาง่ายกว่า แต่ไม่สามารถเล่นสีเล่นลายได้เหมือนกระเบื้องชนิดอื่น ๆ ปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยม


ราคา
ราคาของการก่อสร้างสระว่ายน้ำ ขึ้นอยู่กับขนาด ระบบ และการบำบัดน้ำ ระบบสระน้ำ มี 2 แบบ คือ แบบน้ำล้นและแบบ skimmer ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และพื้นที่ติดตั้งสระ เช่น มีพื้นที่น้อย งบประมาณน้อย อาจเลือกสระสำเร็จรูป เพราะมีราคาและค่าดูแลรักษาถูกกว่า แต่มีข้อจำกัด เรื่องของรูปทรง ระบบและการบำบัดน้ำ

วิธีดูแลสระว่ายน้ำ 


1. เตรียมพร้อมก่อนเปิดสระ


หากคุณปิดสระว่ายน้ำชั่วคราวในบางฤดูกาลที่ไม่มีคนลงใช้ ขอให้แน่ใจว่าคุณได้ทำความสะอาดบริเวณโดยรอบสระทั้งคราบสกปรก และกวาดเศษใบไม้ต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเปิดผ้าคลุมสระว่ายน้ำออกอีกครั้ง จากนั้นใช้สายยางเติมน้ำลงไปในสระจนถึงระดับน้ำปกติ เดินเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยปิดไว้ เพื่อให้น้ำไหลเวียนผ่านเข้าไปในระบบ เปิดช่องสกิมเมอร์ เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่ผิวน้ำ วัดระดับค่า pH ในน้ำ ซึ่งอาจใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ หรือมากกว่านั้นจนกว่าน้ำในสระจะถึงจุดสมดุลที่คนสามารถลงเล่นได้ เปิดให้ปั๊มทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และลดความเร็ว 1-2 ชั่วโมงต่อวันจนกว่าน้ำจะสมดุล


2. เฝ้าระวังสระหากอาศัยอยู่ในพื้นที่หนาวติดลบ


หากคุณมีบ้านอยู่ในประเทศที่มีอากาศหนาวติดลบด้วย สระว่ายน้ำของคุณก็จะมีเรื่องที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพราะการแข็งตัวของน้ำที่ค้างอยู่ในท่อท่ามกลางอากาศที่หนาวจัด สามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้ วิธีแก้ คือ ให้ใช้เครื่องอัดอากาศเป่าไล่น้ำออกจากปั๊มออกให้หมด เมื่อคุณปิดสระ รวมทั้งกำจัดน้ำออกจากเครื่องกรองด้วย ถอดปลั๊กปั๊มน้ำ ปั๊มสารเคมีและอื่น ๆ จากนั้นให้ทำความสะอาดสระว่ายน้ำด้วยการขัดผนัง ทำความสะอาดตะกร้าสกิมเมอร์ ปิดวาล์ว ลดระดับน้ำลงมาให้ต่ำกว่าเครื่องผลิตคลอรีน 45 เซนติเมตรโดยประมาณ และคลุมสระว่ายน้ำ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกตกลงไป


3. หารอยรั่วให้เจอแล้วทำการแก้ไข


บางครั้งมันก็ยากที่จะแยกว่าน้ำในสระที่หายไปเกิดจากการระเหยหรือว่าสระรั่วกันแน่ คุณสามารถทำการทดสอบได้โดยเติมน้ำลงในถังพลาสติก 3 ใน 4 ของความจุ แล้วขีดเครื่องหมายที่ตำแหน่งระดับน้ำภายในถังไว้ จากนั้นนำถังลงไปใส่ในสระแล้วทำเครื่องหมายของระดับน้ำภายในสระไว้ที่ตัวถังด้านนอกแล้วปล่อยทิ้งไว้ 2-3 วัน หากน้ำในถังและน้ำในสระหายไปพอกัน ๆ แปลว่ามันเกิดจากการระเหย แต่หากระดับน้ำในสระหายไปมากกว่าระดับน้ำในถังแปลว่าสระของคุณมีรอยรั่ว ได้เวลาโทรตามช่างมาได้เลย


4. ฆ่าเชื้อน้ำในสระ


แอมโมเนียและไนโตรเจน เป็นสิ่งปนเปื้อนตามธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นในสระว่ายน้ำได้ตลอดเวลา คุณสามารถฆ่าเชื้อในสระว่ายน้ำได้ ด้วยการใช้คลอรีน บางสระอาจจำเป็นต้องทำสัปดาห์ละครั้ง แต่บางสระอาจอยู่ได้นานมากกว่านั้น


5. รักษาค่า pH


ค่า pH ของน้ำในสระที่ 7.2-7.8 ถือว่าอยู่ในช่วงกำลังดีและปลอดภัยต่อการลงเล่นน้ำ คุณสามารถเช็คค่า pH ของสระว่ายน้ำได้ด้วยตัวเองโดยการใช้ชุดอุปกรณ์การวัดค่า จากการนำตัวอย่างน้ำในสระมา แล้วหยดน้ำยาทดสอบลงไป เพื่อเทียบสีหรือว่าจะใช้เป็นอุปกรณ์ที่ต้องจุ่มลงไปในสระโดยตรง แล้วค่อยนำออกมาเทียบกับชาร์ตสีข้างนอกก็ได้


6. ตรวจสอบระดับน้ำในสระ


โดยปกติแล้วน้ำในสระ สามารถหายไปได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการระเหยตามธรรมชาติและการกระฉอกออกจากการลงเล่นน้ำ ทุกครั้งที่คุณทำความสะอาดสิ่งสกปรกจากสกิมเมอร์ ให้ลองสังเกตระดับน้ำว่าไม่ควรต่ำกว่าระดับของสกิมเมอร์ที่ติดตั้งไว้ ไม่เช่นนั้นปั๊มอาจเกิดความเสียหายได้ หากเห็นว่าน้ำเริ่มต่ำลงให้ใช้สายยางฉีดเติมน้ำลงไป


7. เครื่องทำน้ำอุ่นสระว่ายน้ำ


เครื่องทำน้ำอุ่นสระว่ายน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการการดูแลน้อยที่สุดจากเหล่าบรรดาอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งหมด เครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊ส สามารถใช้งานได้ไปยาว ๆ ถึง 2 ปีโดยไม่ต้องมีการซ่อมบำรุง ส่วนเครื่องทำน้ำอุ่นแบบไฟฟ้ายิ่งใช้งานได้นานกว่านั้น แต่ถ้าหากเกิดปัญหาขัดข้องใดกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขโดยตรงมากกว่าพยายามที่จะซ่อมเอง


8. ทำความสะอาดตัวกรอง


จริงอยู่ที่เมื่อมีสิ่งสกปรกมาติดที่ตัวกรองเยอะ ๆ แล้วคุณควรทำความสะอาดมัน แต่จุดเล็ก ๆ ที่ควรระวัง คือ ไม่ควรทำความสะอาดตัวกรองบ่อยจนเกินไป เนื่องจากสิ่งตกค้างที่มีอยู่ในตัวกรองสามารถช่วยดักจับอนุภาคสกปรกอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน จุดสังเกตง่าย ๆ ว่าเมื่อใดได้เวลาทำความสะอาดตัวกรองแล้วให้ดูที่การไหลเวียนระหว่างเกจวัดแรงดันกับ flow meter หากมีค่าต่างกัน 4.5-6.8 กิโลกรัมต่อตารางนิ้วแล้วก็ให้ทำความสะอาดได้เลย


9. ดูดและขัด


ควรดูดทำความสะอาดสระว่ายน้ำทุกสัปดาห์ เพื่อให้น้ำใสและลดระดับสารเคมีในน้ำ รวมทั้งขัดผนังสระ เพื่อลดการสะสมตัวของแคลเซียม การเลือกแปรงขัดก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำผนัง แปรงแน่น ๆ ใช้กับขอบสระคอนกรีต และแปรงขนนุ่มใช้กับไวนิล หรือไฟเบอร์กลาส ในส่วนของพื้นกระเบื้องให้ใช้แปรงขนอ่อนเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน


10. ตักสิ่งสกปรกจากผิวน้ำ


ตักสิ่งสกปรกจากผิวน้ำทุก ๆ 2-3 วัน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดในการรักษาสระว่ายน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะหากปล่อยนานไป เศษซากต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ อาจจมลงและยากต่อการจัดการ ใช้กระชอนด้ามยาวตักใบไม้ แมลง และสิ่งไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ออกจากผิวน้ำ และอย่าลืมทำความสะอาดตะกร้ากรองขยะสัปดาห์ละครั้ง เพียงเท่านี้สระว่ายน้ำของคุณก็จะดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ

รวมวิธีการ ป้องกัน และ กำจัดสนิม

สนิม (Rust) ปัญหาที่มักพบตามส่วนต่าง ๆ ในบ้านที่เป็นเหล็ก หรือโลหะทุกชนิด สนิมเกิดจากปฏิกิริยาที่เหล็กทำปฏิกิริยากับน้ำ และความชื้นในอากาศ เหล็ก หรือโลหะจะค่อย ๆ แปรสภาพกลายเป็นออกไซด์ และเกิดเป็นไฮเดรตเฟอริกออกไซด์


จะเห็นได้ว่า คราบสนิม ที่เกิดขึ้นบนข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงมุมต่าง ๆ ภายในบ้าน มักเป็นปัญหาที่กวนใจอยู่เสมอ เพราะคราบสนิมทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ และพื้นที่ภายในบ้าน ดูเก่า และทรุดโทรม เราจึงมีเคล็ดลับ “การกำจัดคราบสนิม” แบบง่าย ๆ มาฝากกัน

สนิมกระทะ

ใช้เพียงสี่สิ่งนี้ก็เอาอยู่ น้ำส้มสายชู ฝอยขัดหม้อ กระทิชชูและน้ำมันทำอาหารที่มีติดครัว เริ่มด้วยการนำกระทะขึ้นสนิมตั้งไฟให้ร้อนเกิดควันเบาๆ ปิดไฟแล้วเทน้ำส้มสายชูลงไปพอประมาณ นำฝอยขัดหม้อขัดให้ทั่วที่สนิมเกาะตอนที่กระทะยังร้อนอยู่ เมื่อสะอาดแล้วซับด้วยกระดาษทิชชูที่เตรียมไว้หใ้แห้งสนิท แล้วเทน้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย ใช้กระดาษทิชชูใหม่เช็ดถูกระทะให้ทั่ว เท่านี้เจ้าสนิมก็จะหลุดออกจากกระทะหมดสิ้น และน้ำมันก็เคือบกระทะให้ดูมันเงาเหมือนใหม่เลยทีเดียว กำจัดสนิมได้ง่ายกว่าที่คิด

สนิมซิงค์

วิธีนี้กำจัดสนิมได้ทั้งซิงค์สแตนเลสและซิงค์กระเบื้องเซรามิคที่เกิดเป็นคราบสนิม แต่ต้องใช้สารอันตรายมาเป็นตัวช่วยกันเล็กน้อย โดยผสมผงบอแรกซ์กับน้ำมะนาวให้ได้เนื้อสคลับเหนียวข้น นำไปป้ายที่คราบบนซิงค์ให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด คราบนั้นก็จะหมดไปในทันที (เพราะเป็นสารอันตรายควรใส่ถุงมือและหน้ากากปิดจมูกเวลาทำ)

สนิมบนของใช้สแตนเลส

มีหอมใหญ่กับกระดาษทรายก็ช่วยได้ โดยการใช้กระดาษทรายขัดคราบสนิมออกกอ่อน แล้วหัวหอมหั่นครึ่งถูให้ทั่วบริเวณที่เกิดสนิม เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำร้อนสนิมก็จะหลุดออก เป็นวิธีกำจัดสนิมที่สามารถทำได้เองง่ายๆ

สนิมประตูเหล็ก

เจ้าประตูเหล็กที่ต้องผ่านร้อนผ่านฝนในบรรยากาศบ้านเรานี่น่าสงสารจริงๆ ไม่แปลกหรอกหากจะมีน้องสนิมมาขออาศัยอยู่บ้าง แต่หากเราค่อยสักเกตุเห็นแล้วรีบแก้ไข เมื่อพบเห็นน้องสนิมมาเกาะประตูปุ๊บ เตรียมเลยจ้า ผงซักฟอก น้ำส้มสายชูและสก๊อกไบท์ พร้อมแล้วเริ่มกันเลย ใช้น้ำสะอาดราดตรงบริเวณที่มีคราบสนิมให้ชุมฉ่ำ โรยผงซักฟอกลงไปตามด้วยน้ำส้มสายชู จากนั้นก็ขัดด้วยสก็อตไบท์ ขัดไปจร้าขัดแบบไม่ต้องออกแรงหักโหม ใช้จังหวะพอดีๆ เดี๋ยวคราบก็จะค่อยๆ หลุดไปจนประตูเหมือนใหม่ทีเลยเดียว ส่วนกุญแจหากมีคราบสนิมด้วยก่อนขัดประตูก็นำกญแจแช่กับน้ำส้มสายชูไว้ก่อน พอขัดประตูเสร็จน้องสนิมก็โบกมือบ๊ายบายทั้งกุญแจและประตู ซึ่งเราจะเห็นผลของการกำจัดสนิมได้ในทันตา

สนิมติดเสื้อผ้า

บางคนกงวัลใจมากเพราะเป็นเสื้อผ้าชิ้นโปรด จะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็อาจไม่ได้ใส่ กำจัดสนิมตามนี้แล้วคุณจะได้เสื้อผ้าชิ้นโปรดกลับมาใส่จนเบื่อไปเลย บีบน้ำมะนาวลงบนคราบสนิมให้ทั่วพักไว้ ต้มน้ำให้เดือนแล้วปรับเป็นไฟกลาง นำเสื้อผ้าเปรอะคราบสนิมไปขึงบนปากหม้อให้ไอน้ำช่วยขจัดคราบสักพัก นำออกมาแล้วบีบน้ำมะนาวลงบนคราบซ้ำอีกครั้ง รอสัก 2 – 3 นาทีค่อยนำไปซักตามปกติ ก็จะได้เสื้อผ้าไร้คราบสนิมกลับมาใส่เหมือนเดิม


ชั้นวางของเหล็ก จาก Kacha ที่มีคุณภาพสูง ไม่เป็นสนิมง่าย ทุกชิ้นมีคานเหล็กเสริมความทนทาน ช่วยรับน้ำหนักสินค้า อุปกรณ์ต่างๆไม่เป็นสนิมง่าย เหมาะกับการจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ทั้งเอกสารต่าง ๆ เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง เหมาะมากกับธุรกิจออฟฟิศทั่วไป ในโรงงาน คลังสินค้า หรือแม้กระทั่งในบ้าน